ประสบการณ์การศัลกรรมจมูกครั้งแรกในชีวิตที่ " Renita Clinic "

by - กรกฎาคม 14, 2560


สวัสดีค่าในวันนี้หนึ่งจะมาพูดถึงประสบการณ์ตอนไปทำจมูกที่ " Renita Clinic " ให้ฟังกันค่ะ เป็นครั้งแรกเลยตื่นเต้นมากๆๆ ก่อนทำก็หาข้อมูลมาสักพักแล้วหลายปีเลย รอเวลาที่จะทำได้ 55555 ก็ดูมาค่อนข้างหลายคลีนิคเลยหล่ะดูที่ดังๆไว้ก็มี แต่ไม่ไหวกับคิวแสนโหดที่ต้องจองเป็นเดือนเป็นอาทิตย์  สุดท้ายเรามาจบที่เรนิตาเพราะได้เห็นรีวิวของพี่ June JellyJune ที่พี่เขาไปแก้จมูกมา แล้วมันสวยมากกกดูธรรมชติสุดๆแถมยังแทบจะไม่ช้ำเลย ซึ่งปกติเคสแก้ที่เคยเห็นจะช้ำน่ากลัวมาก แต่นี่แสดงว่าหมอต้องมือเบาพอสมควร 

นั่นจึงเป็นจุดที่เราให้ความสนใจเพราะอยากหายไวๆ 55555 บวกกับตอนนั้นมันมีโปรเคสรีวิวราคา 9,900 บาท คือการที่เราอนุญาติให้ทางคลีนิคนำรูปเราไปใช้รีวิวได้ ซึ่งตรงนี้เราไม่มีปัญหาเพราะตั้งใจจะเขียนบล็อกและทำคลิปอยู่แล้วเลยได้เจ้าโปรนี้มา

เราทักไปสอบถามทางเฟสบุคและไลน์ ส่งรูปไปให้คุณหมอพิจารณาเบื้องต้นก่อนแล้วนัดวันไปทำเลย โดยโอนค่ามัดจำครึ่งนึงก่อนคือ  5,000 บาทแล้วที่เหลือไปจ่ายวันทำ


   
                               *พี่พนักงานน่ารักมากตอบคำถามอย่างใจเย็น ไม่วีนเหวี่ยง

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


วันเดินทาง 03/06/17

คลีนิคตั้งอยู่ที่ อารีย์สัมพันธ์ ซอย 5 ค่ะ เรานั่งแท็กซี่ไปแต่ว่า....... ส่งผิดซอยค่ะ 5555 เข้าสู่ความเวิ้งว้างอันไกลโพ้นเลยทีเดียว ก็มองหาว่าคลีนิคอยู่ไหน จนสุดท้ายถามพี่วินว่ามันซอยเดียวกันหรือป่าว  ได้คำตอบคือคนละซอย ถ้าอารีย์จะอยู่อีกฝั่ง ดีนะที่มันอยู่ใกล้ๆกันเลยนั่งตุ๊กๆไปต่อได้ 

เข้าไปในซอยก็จะเห็นคลีนิคเลยค่ะ เป็นคลีนิคเล็กๆคิดว่าน่าจะมี 2 ชั้น แต่ข้างในสะอาดและดูดีมีมาตราฐานนะคะ แอร์เย็นมากกกกสั่นสู้เลยทีเดียว 😂 พี่พนักงานก็น่ารักและเป็นกันเองมากๆ 



เราไปถึงก่อนเวลา 1 ชั่วโมงเลยแวะไปนั่งร้านกาแฟตรงข้ามก่อนค่ะเพราะคุณแม่หิวข้าว ชื่อร้าน 
 " White Rabbit "ใครที่มารอแฟนรอเพื่อนก็มานั่งรอที่นี่ได้นะ มีอาหารและเครื่องดื่มบรรยากาศร้านก็น่ารักดีค่ะ

  







-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พอใกล้จะถึงเวลาเราก็เข้าไปข้างในคลีนิคเลยค่ะ ก็บอกเขาว่านัดกี่โมงชื่ออะไร พี่เขาก็จะให้ใบมา
กรอกประวัติ สักแปปนึงคุณหมอก็จะเรียกไปคุย จับหน้าจับจมูกดูว่าเป็นยังไง อยากได้แบบไหนหรือทำแบบไหนได้บ้างและบอกรายละเอียดต่างๆ   

อย่างเราเป็นคนเนื้อน้อยและไม่มีดั้งเลยแต่พอจะมีปลายอยู่บ้าง จึงทำให้เสริมโด่งมากไม่ได้ เลยรีเควสไปว่าขอที่เข้ากับหน้า โด่งเท่าที่ได้และไม่เสี่ยงทะลุก็พอ คุณหมอก็น่ารักและตลกมากๆ 55555 ทำให้เราลดความกลัวไปได้บ้าง 

( ขออนุญาติใช้รูปจากทาง Facebook ของคลีนิค )


เสร็จแล้วเขาก็จะให้เรากินยาแก้ปวดค่ะเปลื่ยนรองเท้าและขึ้นไปชั้นบนเลย ตื่นเต้นมากกกก


( ขออนุญาติใช้รูปจากทาง Facebook ของคลีนิค )


พอเข้าไปในห้องเราก็ต้องใส่หมวกคลุมผมและทำการล้างหน้าให้สะอาดและนอนรอขึ้นเขียงเลย 55555 ก็จะชวนคุยไปเรื่อยๆและวัดความดัน มีการเปิดเพลงเพื่อผ่อนคลาย พอคุณหมอเข้ามาก็จะทำการฉีดยาลดบวมที่แขนเราค่ะ ตรงนี้เนี่ยบอกเลยไม่รู้สึกอะไร แต่ไอต่อไปที่กำลังจะฉีดนี่สิ อื้อหืออออออ น้ำตาไหลพราก 😂 นั่นคือการฉีดยาชาในจมูกค่ะมันจิ๊ดมากจริงๆนะ แต่มันแค่แปปเดียวถ้าผ่านตรงนี้ไปได้ก็จะสบายมาก ~ 

ปล.เราไม่ได้ถ่ายสถานที่จริงไว้เลยจึงต้องยืมรูปจากเฟสบุคของคลีนิคมาซึ่งสถานที่จริงก็แบบนี้เลยค่ะ

( ขออนุญาติใช้รูปจากทาง Facebook ของคลีนิค )


หลังจากนั้นเราก็จะได้ยินการเหลาซิลิโคนข้างหูและคุณหมอก็จะเคาะอะไรไม่รู้ที่ผ้าจึงมีการสะดุ้งเล็กน้อย 555555 ตรงนี้ใช้เวลาค่อนข้างนานนะ คุณหมอก็เหลาๆ แล้วทาบกับจมูกดูเพื่อให้มันเข้ากับใบหน้าเรามากที่สุด

จนเรารู้สึกได้ว่ามีอะไรถูกยัดเข้าไปในจมูก แต่ไม่เจ็บหรอกค่ะไม่รู้สึกอะไรเลย จะได้ยินแค่เสียงเท่านั้น คุณหมอก็จับๆบิดๆให้มันเข้าที่ และเช็คเพื่อความแน่ใจว่ามันไม่เบี้ยวอยู่ซักพัก และแล้วก็ถึงขั้นตอนเย็บค่ะ เรารู้สึกตอนดึงไหมนะเหมือนโดนหยิกในจมูกแต่ก็ไม่ได้เจ็บอะไร แล้วก็เสร็จค่าาา คุณหมอจะให้ดูกระจกว่าเป็นยังไง โอเคไหม และทำการถ่ายรูปเก็บไว้ค่ะ 

เสร็จเรียบร้อยก็ลงมาข้างล่าง คุณแม่บอกว่าใช้เวลาประมาณชั่วโมงกว่าๆ เรานี่มึนๆ ปวดตึ๊บๆ จึงไม่ได้ถ่ายรูปหลังเสร็จทันทีให้ดูเพราะอยากนอนมากตอนนั้น 55555 หลังจากนั้นคุณหมอก็จะทำการนัดให้มาเช็คอีกที นัดวันตัดไหม บอกวิธีการดูแลและให้ยามาทานค่ะ   





กลับมาถึงบ้านประมาณ 4 โมงกว่าๆมั้งคะ เราก็ทานยาแก้ปวดไปเพราะรู้สึกว่ามันปวดไปทั้งหน้าและก็หลับไปตื่นมาอีกทีก็ 6 โมงเย็นด้วยความสดใสกับดั้งใหม่  555555 ไม่เจ็บไม่ปวดแล้วสบายมาก ทานข้าวทานยาปกติ ทุกอย่างผ่านไปด้วยดีค่ะ

*การดูแลรักษาหลังทำ

  1. ทานยาให้ครบตามที่คุณหมอสั่ง ตรงเวลาและต้องมีวินัย ห้ามลืมถ้าอยากหายไวๆ
  2. นอนหัวสูง ใช้หมอนล๊อคคอได้ถ้ากลัวว่าจะนอนตะแคง อันนี้จะลำบากและเมื่อยนิดนึงแต่ก็ต้องทนน้าถ้าไม่อยากจมูกเบี้ยว
  3. ทำความสะอาดสม่ำเสมอ อาจจะไม่ต้องเอาคัตตอนบัดทะลุทะลวงเข้าไปนะ 5555 แค่ทำความสะอาดรอบๆพออย่าไปยุ่งกับแผล ส่วนหน้าก็ใช้ทิชชู่เปียกหรือสำลีชุบน้ำเกลือเช็ดหน้าอย่างเบามือ
  4. เรื่องอาหารคุณหมอไม่ได้เคร่งอะไร แค่อย่าทานอะไรที่จะทำให้น้ำมูกไหล เช่น ของเผ็ดหรือของที่เราแพ้
  5. ประคบเย็นถ้ามีโอกาส เราเองก็ไม่ได้ประคบทั้งวันเพราะลืมบ้างขี้เกียจบ้าง แต่ก็ประคบทุกวันนะ
  6. ใส่แมสเมื่อออกไปข้างนอก(ในบ้านด้วยก็ได้) เพราะเดี๋ยวคนจะตกใจหน้าสด ตึ่งโป๊ะ ! ไม่ช่ายยย ต้องใส่กันฝุ่นเซ่  😱😰
  7. ใครมีสัตว์เลี้ยงก็ระวังๆกันเน้อ เพราะน้องๆหนูๆจะชอบกระโดดใส่เราเหลือเกินนน ระวังจะโดนจมูกเอา

- สำหรับเราก็มีแค่นี้แหละหลักๆคือทานยาให้ครบกับดูแลรักษาความสะอาด -

*ต่อไปเรามาดูรูปกันดีกว่าว่าภายใน 1 อาทิตย์มีการเปลื่ยนแปลงยังไงบ้าง


03/06/17


04/06/17



05/06/17


06/06/17
( คุณหมอนัดไปเช็คและแกะพลาสเตอร์ออก)

07/06/17
 ( มีช้ำๆเขียวๆตรงหัวตานิดหน่อย ในรูปมองไม่ค่อยเห็น )









 หลังจากนี้เราก็มีนัดไปเช็คจมูกเรื่อยๆและมีนัดตัดไหม ซึ่งของเราได้ตัดไหมสองรอบค่ะ 55555 เพราะรอบแรกไปตัดแต่แผลบางส่วนยังไม่สมานจึงทำให้ต้องเย็บอีกรอบก็เสียน้ำตากันไป และนัดครั้งที่สองก็ราบรื่นและผ่านไปด้วยดีแผลสมานแล้ว เย้~ 

เรามาดู BEFORE - AFTER กันดีกว่า


BEFORE



AFTER





5 MONTHS



จะเห็นได้ชัดเลยว่ามันแตกต่างจากที่แบนๆก็มีสันขึ้นมา 55555 อาจจะไม่ได้โด่งมากเป็นแท่งแต่สำหรับเรา เราว่ามันสวยและเข้ากับหน้าแล้วเพื่อนๆเองก็บอกว่าดูธรรมชาติ โดยรวมแล้วชอบมากๆค่ะ จะถ่ายรูปหรือแต่งหน้ามันก็ง่ายขึ้น รู้สึกมีความมั่นใจขึ้นเยอะมากๆ ช่วงนี้ก็ไม่บวมแล้วค่ะอาจจะต้องรอให้เข้าทีอีกซักเดือนสองเดือน

ก็หวังว่ารีวิวนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่สนใจกำลังอยากจะทำศัลยกรรมกันน้า ลองศึกษาหาข้อมูลกันดีๆนะคะ นี่ก็เป็นประสบการณ์ครั้งแรกเลยอยากจะมาแชร์ให้เพื่อนๆได้อ่านกัน 
ขอบคุณที่อ่านจนจบนะคะถ้ามีอะไรเดี๋ยวจะมาอัพเดทละกันเนอะ เลิฟฟฟ ♡♡

R.


You May Also Like

0 ความคิดเห็น